บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยเรื่องปัญหาการอ่านออกเสียงมาตราตัวสะกด สามารถวิเคราะห์ได้ ดังนี้
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทดลองและแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ผู้วิจัยจึงกำหนดสัญลักษณ์ต่างๆ
ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
การกำหนดเกณฑ์การหาค่าประสิทธิภาพ
ดังนี้
เนื้อหาวิชาความรู้ต่างรวมถึงทักษะต่างๆ
มีเกณฑ์การกำหนดแบบมาตราฐาน คือ 80/80
การคำนวณหาประสิทธิภาพ คือ
การหาค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ E1 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์
E2
โดยมีการเก็บข้อมูลดังนี้
ชื่อ-สกุล
|
ชั่วโมง
|
รวม
|
เปอร์เซ็นต์
|
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
|
1-2
|
3-4
|
5-6
|
||||
๑. เด็กหญิง วีรยา
ลั่นทมทอง
|
16
|
17
|
18
|
51
|
85%
|
9
|
9
|
๒. เด็กชาย วรากร
เทพวงศ์
|
16
|
17
|
18
|
51
|
85%
|
12
|
19
|
๓. เด็กหญิง อังคณา ทัตไชย
|
17
|
17
|
18
|
52
|
86%
|
10
|
18
|
๔. เด็กชาย สุรเชษฐ์
มิตรจอง
|
17
|
18
|
18
|
53
|
88%
|
12
|
19
|
๕. เด็กหญิง
เกวลิน ทีระวงค์
|
16
|
18
|
19
|
53
|
88%
|
13
|
18
|
การหาค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ
(E1 )
สูตร E1 = Σx1 x
100 เมื่อ E1 คือ
ประสิทธิภาพของใบงาน
NxA
Σx1 คือ คะแนนรวมของใบงาน
A คือ คะแนนเต็มของใบงาน
N คือ จำนวนนักเรียน
Σx1 = 260 , A = 60 , N = 5
แทนค่า E1
= 260 x 10
5x60
= 260 x 100
300
= 86.6
ดังนั้น ค่าประสิทธิภาพของใบงาน E1 = 86.6
การหาค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์
( E2 )
สูตร E2 = Σx2 x
100 เมื่อ E2 คือ
ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
NxB
Σx2 คือ คะแนนรวมของแบบทดสอบหลังเรียน
B คือ
คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
N คือ
จำนวนนักเรียน
Σx1 = 83 , A = 20 , N = 5
แทนค่า E2 =
83 x 100
5x20
= 83 x 100
100
= 83
ดังนั้น ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E2 = 83
การเปรียบเทียบค่าประสิทธิภาพกับค่าผลลัพธ์
E1 / E2 จะได้เท่ากับ 86.6/83
แสดงว่านวัตกรรมมีประสิทธิภาพ
โดย ได้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาที่กำหนดไว้ คือ 80/80
การหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ก่อนเรียน
จากสูตร
หาค่า
= 92+122+102+122+132
หาค่า
= 9+ 12 +10 + 12 + 13
แทนค่า
S.D. = 5(638)-3136
5(5-1)
= 3190-3136
20
= 54
20
= 2.7
รากที่ 2 ของ 2.7 = 1.643
หลังเรียน
x
คือ ข้อมูล ( ตัวที่ 1,2,3…,n)
หาค่า
= 92+192+182+192+182
หาค่า
= 9+ 19 +18 + 19 + 18
แทนค่าในสูตร
S.D. = 5(1451)-6889
5(5-1)
=
7255-6889
20
=
366
20
=
18.3
รากที่ 2 ของ 18.3 = 4.277
จากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน พบว่าก่อนเรียน
มีค่าเท่ากับ 1.643 และหลังเรียนมีค่าเท่ากับ
4.277 มีความแตกต่างกันระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนอย่างมีนัยสำคัญเท่ากับ
2.634
ซึ่งแสดงว่าจากนวัตกรรมการสอนระหว่างเรียนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ดัชนีค่าประสิทธิผล Ei
ดัชนีค่าประสิทธิผล =
ร้อยละของผลรวมของคะแนนหลังเรียน-ร้อยละของผลรวมคะแนนก่อนเรียน
100-ร้อยละของผลรวมคะแนนก่อนเรียนทุกคน
แทนค่า จากสูตร
= 83-56
100-56
= 17
44
= 0.386
สรุป
จากการหาค่าประสิทธิผลของคะแนนหลังเรียนกับก่อนเรียน
สรุปได้ว่ามีประสิทธิผล
เนื่องจากได้คะแนน 0.386 ซึ่งผ่านเกณฑ์การให้คะแนนประสิทธิผล
ทักษะการแสวงหาความรู้
|
|
ชื่อ-นามสกุล
|
คะแนนรูบิค
|
เด็กชายวรากร เทพวงศ์
|
3
|
เด็กชายชาเมษฐ หมอกใหม่
|
3
|
เด็กชายฤทธิพร แก้วประเสริฐ
|
2
|
เด็กชายศรันย์ชัย
สิทธ์คงชนะ
|
2
|
เด็กชายสุรเชษฐ์ มิตรจอง
|
3
|
เด็กหญิงธาราลักษณ์ ทิวพนา
|
3
|
เด็กหญิงกนกพรรณ
ทานุตัน
|
3
|
เด็กหญิงนิศามณี บรรพคํ้าจุน
|
2
|
เด็กหญิงอังคณา
ทัตไชย
|
3
|
เด็กหญิงปิยรัตน์
รู้ดี
|
2
|
เด็กหญิงพรพรรณ คีรีสีคราม
|
3
|
เด็กหญิงพรสวรรค์
จะแก
|
2
|
เด็กหญิงพิมพ์ผกา
สุวรรณโณ
|
1
|
เด็กหญิงเมทินี สูงเทียมเมฆ
|
3
|
เด็กหญิงวราพร พยุงดาวเรือง
|
2
|
เด็กหญิงวีรยา ลั่นทมทอง
|
1
|
เด็กหญิงสุนาลักษณ์ บุญนิตย์
|
3
|
เด็กหญิงสุวนันท์ คำพุทธ
|
2
|
เด็กหญิงสุวพิชชา ชัยวารี
|
3
|
เด็กหญิงปลายฟ้า ธรรมธนากุล
|
3
|
ระดับคะแนน 3 ดี
มีจำนวนนักเรียนเท่ากับ 11 คน
ระดับคะแนน
2
พอใช้ มีจำนวนนักเรียนเท่ากับ 7 คน
ระดับคะแนน
1 ปรับปรุง
มีจำนวนนักเรียนเท่ากับ 2
คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น